ว่านหางจระเข้ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Aloe vera (L.) Burm.f. จัดอยู่ในวงศ์ Asphodelaceae นอกจากจะใช้เป็นสมุนไพรรักษาอาการภายนอกต่าง ๆ เช่น ดับพิษร้อนจากการโดนไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แล้วว่านหางจระเข้สามารถรับประทานได้ แต่การรับประทานว่านหางจระเข้นั้นต้องรู้จักกรรมวิธีในการทำ เพราะว่านหางจระเข้มียางสีเหลืองบริเวณเปลือก จะมีสาร Anthraquinone มีฤทธิ์ขับถ่าย เวลาจะรับประทาน จึงต้องล้างยางสีเหลืองออกให้หมด
การรับประทานว่านหางจระเข้
- การรับประทานเพื่อลดการอักเสบของกระเพาะอาหาร ให้รับประทานวุ้นจากใบสดที่ล้างยางออกจนสะอาดแล้ว ประมาณ 3 – 4 เซนติเมตร ก่อนอาหารเช้า – เย็น ทุกวัน จนอาการดีขึ้น หรือหาย จึงหยุดรับประทาน
- การรับประทานเป็นขนมหวาน ให้นำวุ้นจากใบสดล้างยางออกให้หมด หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า หรือเป็นเส้น ๆ ตามต้องการ ต้มน้ำเชื่อมเมื่อเดือดใส่วุ้นว่านหางจระเข้ลงไป ต้มต่อไปประมาณ 5 – 7 นาทียกลง ปล่อยไว้ให้เย็น รับประทานกับน้ำแข็ง มีฤทธิ์ลดความร้อนในร่างกาย ลดคอเลสเตอรอล
นอกจากการรับประทานแล้ว ว่านหางจระเข้ยังมีผู้นิยมนำมาทำเป็นเครื่องสำอาง เพราะว่านหางจระเข้มีสรรพคุณ บำรุงผิว ป้องกันสิวฝ้า รักษาสิว โดยใช้สารสกัดจากว่านหางจระเข้ผสมลงไป หรืออาจทำเองง่าย ๆ โดยการล้างทำความสะอาดวุ้นให้ยางสีเหลืองออกให้หมด แล้วหั่นชิ้นบาง ๆ พอกหน้า หรือคั้นน้ำแล้วทาทั่วหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก จะรักษาสิว ทำให้หน้าไม่มัน บำรุงผิวหน้า ป้องกันแสงแดดได้เป็นอย่างดี จึงมีผู้นำวุ้นจากว่านหางจระเข้ผสมกับไข่แดง และน้ำมันมะกอก อัตราส่วน 1:1:1 ใส่น้ำเล็กน้อยปั่นให้เข้ากันนำไปหมักผม ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วล้างออก สัปดาห์ละครั้ง จะรักษาอาการผมเสีย แตกปลาย
ข้อควรระวัง
- ก่อนใช้ว่านหางจระเข้ ทดสอบดูว่าแพ้หรือไม่ โดยเอาวุ้นทาบริเวณท้องแขนด้านใน ถ้าผิวไม่คัน หรือแดงก็ใช้ได้
- ควรล้างยางสีเหลืองที่อาจติดมากับวุ้นออกให้หมด เพราะจะเกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนังได้
ภาพประกอบจาก: www.pixabay.com