สวัสดีปีใหม่ครับ ปีนี้ผมหวังว่า คนไทยจะโชคดีจากการระบาดของเชื้อ “SARS-CoV-2” เมื่อสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) เข้ามาระบาดในเมืองไทย ข้อมูลเบื้องต้นแต่ชัดเจนสำหรับเชื้อตัวนี้คือ แพร่กระจายเก่งกว่าสายพันธุ์เดลต้า 3-5 เท่า ส่วนใหญ่ก่อโรคในทางเดินหายใจส่วนบนและหลอดลม ข้อมูลแรกเริ่มจาก LKS คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKUMed) พบว่า หลังปล่อยเชื้อไวรัสลงบนผิวเซลล์ได้ 24 ชั่วโมง สายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มจำนวนในเซลล์หลอดลมเร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้าถึง 70 เท่า แต่เพิ่มจำนวนในเนื้อปอดช้ากว่าสายพันธุ์อู่ฮั่นถึง 10 เท่า นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่น เยอรมันและอเมริกาทำการศึกษาในหนูก็พบข้อมูลตรงกันว่า เชื้อโอมิครอนก่อโรคหลัก ๆ ในทางเดินหายใจส่วนบน ทำลายเนื้อปอดน้อยกว่าและทำให้สัตว์ทดลองตายน้อยกว่าด้วย ตอนนี้ในไทย สายพันธุ์โอมิครอนกำลังเบียดแย่งที่สายพันธุ์เดลต้าอยู่ (โอมิครอนพบร้อยละ 20 เดลต้าพบร้อยละ 80) ขอให้สายพันธุ์โอมิครอนเบียดแย่งที่จนกลายเป็นเชื้อเด่นและเบียดเดลต้าให้หมดไปเลย ถึงแม้เชื้อโอมิครอนจะหลบหลีกภูมิคุ้มกัน lgG ที่เกิดจากการติดเชื้อและการฉีดวัคซีนได้บ้าง แต่คนไทยยังมีภูมิคุ้มกันชนิดอื่น ๆ เหลือพอที่จะสู้เชื้อโอมิครอนได้ หากป้องกันตนเองได้ดี
คนไทยฉีดวัคซีนไป 105 ล้านโดสแล้ว ผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 2,230,000 ราย ตายไป 22,000 ราย ยาขนานใหม่กำลังขึ้นทะเบียนทั้ง molnupiravir และ paxlovid ใช้ร่วมกับ favipiravir ได้ นี่ยังไม่รวมแอนติบอดีค็อกเทล ที่กำลังขึ้นทะเบียน สรุปว่า คนไทยส่วนมากมีภูมิคุ้มกันกับเชื้อ SARS-CoV-2 และสายพันธุ์โอมิครอนบ้างแล้ว เรากำลังจะมียาต้านไวรัส เราจะรับมืออย่างไรกับเชื้อโอมิครอนให้เกิดผลดีที่สุดแก่คนไทย ให้การระบาดครั้งนี้กลายเป็นโอกาสดีของคนไทยบ้าง
ข้อแรก
คนไทยรีบไปฉีดวัคซีนกันเถอะ ใครตกขบวนเข็มหนึ่งเข็มสองต้องรีบฉีดด่วนแล้วเก็บกักตัวเองไว้เลย ตอนนี้เราฉีดเข็มสามกันแล้ว ระยะเวลาที่ภูมิคุ้มกันของเราเกิดดีที่สุดในการป้องกันโรคคือ ตั้งแต่สองสัปดาห์หลังเข็มที่สอง/สามขึ้นไปจนถึงสามเดือน หลังสามเดือนถึงหกเดือนก็ยังพอไหว หลัง 6 เดือนไปแล้วก็ยังพอป้องกันความรุนแรงของโรคได้ แต่ขอสรุปว่า หลังฉีดเข็มที่สอง / สามได้สองสัปดาห์ไปจนถึงสามเดือน จะมีภูมิคุ้มกันดีที่สุด ประเทศตะวันตกหรือในยุโรปที่รีบฉีดวัคซีนก่อนประเทศไทยหลายเดือน ตอนนี้ติดเชื้อโอมิครอนมากเพราะหลังเข็มสุดท้ายนานเกินหกเดือนแล้ว เลยติดเชื้อง่ายกว่าแต่ส่วนใหญ่ไม่ป่วยรุนแรง ดังนั้นระยะเวลาสามเดือนหลังเข็มสามจะเกิดภูมิคุ้มกันสูงจนหากตัวเราเผลอติดเชื้อ ก็จะไม่มีอาการจนบางคนไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อไปแล้ว ระยะเวลาการแพร่เชื้อไปให้คนอื่นจะสั้นลงด้วย ดังนั้น จังหวะที่เชื้อโอมิครอนกำลังมา เราก็รีบเร่งฉีดวัคซีนเข็มสอง/สาม กันเสีย ใครฉีดเข็มสี่ไม่ว่า จะได้ไม่ป่วยเลย ตอนนี้รีบไปฉีดวัคซีนให้เด็กอายุ 5 ขวบขึ้นไปด้วย
ข้อที่สอง
เรายังต้องป้องกันตนเองจากการติดเชื้ออยู่ดี สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการไปอยู่ในกลุ่มชนแออัดนานเกิน 30 นาทีและอากาศไม่ถ่ายเท ผู้ที่ระวังตนแบบนี้ จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อยมาก แม้สายพันธุ์โอมิครอนจะแพร่กระจายเก่งมาก ผมขอย้ำเรื่องการถ่ายเทอากาศในห้องแถว / ขนาดเล็ก ตลาดนัดที่หลังคาเตี้ยจนอากาศไม่ถ่ายเท เจ้าของร้อนต้องเปิดประตู หน้าต่าง เปิดพัดลมเป่า / ดูดอากาศออกจากห้องเลย จะเปิดแอร์ด้วยก็ไม่ว่า ดังนั้น เรายังต้องป้องกันการติดเชื้อด้วยการใช้วิถีชีวิตใหม่เต็มที่ หากติดเชื้อได้อีกก็เป็นเหตุสุดวิสัย และจะเป็นผลดีกับภูมิคุ้มกันที่จะถูกกระตุ้นให้สูงขึ้นมาสู้กับเชื้อจำนวนน้อยนิดที่เล็ดลอดเข้ามา เท่ากับสร้างภูมิคุ้มกันตัวเราเองให้สูงขึ้นอีก
แต่ผมขอคัดค้านความเห็นที่ได้ยินมาว่า เราไม่ต้องระวังตัว ไปสูดรับเชื้อโอมิครอนเข้าไปเลย จะได้เกิดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ การตั้งใจไปสูดรับเชื้อ ท่านอาจจะได้รับเชื้อจำนวนมากในทันทีและเข้าไปในปอดเลย ก็จะเสี่ยงต่อการเกิดปอดอักเสบรุนแรงได้ เชื้อโอมิครอนยังก่อโรคในปอดได้นะครับ จึงไม่คุ้มกับการไปสูดรับเชื้ออย่างตั้งใจ ที่สำคัญกว่านี้คือ หากเราปล่อยให้มีการติดเชื้อในประชากรจำนวนมากอย่างในบางประเทศตอนนี้ อาจจะมีเชื้อกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ได้อีก หากได้สายพันธุ์ที่แพร่กระจายง่ายและก่อโรคในปอดได้รุนแรง เราจะพลาดการใช้โอกาสดีที่จะทำประโยชน์จากการระบาดของเชื้อโอมิครอน ต้องเรียนว่า กว่าเราจะได้สายพันธุ์โอมิครอนนี้มาก็ต้องมีการกลายพันธุ์มาหลายครั้งนานถึงสองปีแล้ว เราจึงต้องพยายามป้องกันการกลายพันธุ์ที่ทำให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ได้อีก
ข้อที่สาม
มาตรการการตรวจหาเชื้อ ผมเสนอว่า เราไม่ปิดประเทศ ไม่มี curfew ไม่มี lockdown ระหว่างจังหวัด ผู้ที่จะบินเข้ามาในประเทศ แนะนำให้ทำ RT-PCR ก่อนมา 72 ชั่วโมง (ต้องได้ผลลบ) และให้เลือกว่า จะทำการตรวจแบบ RT-PCR ในวันแรกที่เข้ามาในประเทศหรือจะรอ 7 วัน ผู้ที่ทำ RT-PCR วันแรกและได้ผลลบในคนที่ฉีดวัคซีนอย่างน้อยสองเข็มไม่นานเกิน 3 เดือน ให้ผ่านเลยและให้ใช้วิถีชีวิตใหม่ ขอให้กักตัวแบบ sandbox นาน 7 วันด้วยก็จะดีมากโดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดน้อย ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนหรือเคยฉีดวัคซีนเข็มสุดท้ายนานเกิน 6 เดือนไปแล้ว และผู้ที่ไม่เลือกตรวจในวันแรก ให้กักตัว 7 วันแล้วทำ RT-PCR อีกครั้ง ถ้าได้ผลลบ ก็ผ่านได้เลย
หวังว่า การปฏิบัติตามทั้งสามข้ออย่างเคร่งครัด จะช่วยควบคุมการระบาดจากเชื้อโอมิครอน (ถ้าเบียดชนะเดลต้าได้) และทำประโยชน์ให้กับคนไทยมากที่สุดเมื่อโอกาสแบบนี้มาถึงแล้ว หากทำได้ดีคาดว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะไม่เกิน 10,000 รายต่อวันภายในสิ้นเดือนมกราคมศกนี้ จำนวนผู้เจ็บป่วยรุนแรงจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือรักษาตัวในหออภิบาล จะไม่เกินศักยภาพของโรงพยาบาลที่จะรับไว้รักษา และเชื้อโอมิครอนจะกลายเป็นเชื้อหวัดธรรมดาอย่างที่เราหวังไว้