การดูแลสุขภาพคือเรื่องสำคัญที่เราไม่อาจปฏิเสธได้ ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตเป็นไปอย่างเร่งรีบ ไม่ว่าจะด้วยภาระหน้าที่การงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ยิ่งรวมกับข้อเท็จจริงว่าเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ สุขภาพกายเสื่อมถอย ทำให้สุขภาพใจถูกบั่นทอนลงเช่นเดียวกัน หากเราไม่ดูแลตัวเองให้ดีก็จะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการออกกำลังกายและควบคุมพฤติกรรมการกิน โดยเฉพาะท่านที่กำลังย่างเข้าสู่วัยทอง ต้องเผชิญกับอาการหลายอย่าง คงจะตื่นเต้นไม่น้อยว่ายังมีอาหารทั้ง 5 ชนิดซึ่งสามารถช่วยในเรื่องอาการฮอร์โมนแปรปรวนที่เกิดขึ้นได้
1. ปรับสมดุลระบบเผาผลาญด้วยโยเกิร์ต
โยเกิร์ตเป็นอาหารที่กล่าวได้ว่าเป็นยาอายุวัฒนะทั้งในด้านความเชื่อ และด้านวิจัยซึ่งมีผลการศึกษารองรับมาช้านาน เนื่องจากโยเกิร์ตนั้นเป็นผลิตภัณฑ์นมจึงมีแคลเซียมสูงอันส่งผลถึงความแข็งแรงของกระดูก และโพรไบโอติกส์ที่มีส่วนช่วยในการดูดซึมและขับถ่าย อีกอย่างที่สำคัญคือความสามารถในการปรับสมดุลของร่างกายโดยเฉพาะพาราไทรอยด์ฮอร์โมนให้อยู่ในระดับปกติ ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคไทรอยด์ในวัยทองได้
2. ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอด้วยปลาแซลมอน
หลายคนรู้สึกได้ถึงสัญญาณของวัยที่ร่วงโรย ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยลึก แผลหายช้า อาการปวดเมื่อยมาเยือนทั้งที่ไม่ได้หักโหมมากมาย สิ่งเหล่านี้แก้ได้ด้วยโปรตีนที่ถือเป็นกลุ่มสารอาหารพี่ใหญ่ซึ่งเป็นที่ต้องการของร่างกายอย่างมาก ในช่วงวัยที่มากขึ้น การได้รับโปรตีนย่อยง่ายจากแหล่งโปรตีนดี ๆ อย่างเนื้อปลาคือคำตอบที่ใช่ อย่างเช่นปลาแซลมอนที่ยังมีไขมันดีอย่างโอเมก้า 3 ช่วยบำรุงสมอง และสามารถกระตุ้นโกรทฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีการฟื้นฟูสิ่งที่เสื่อมสภาพแล้วนั่นเอง
3. อารมณ์มั่นคงด้วยถั่วเหลือง
ในผู้หญิงจะได้รับผลกระทบจากอาการวัยทองหลากหลายแบบ เริ่มตั้งแต่การหมดประจำเดือน อารม์แปรปรวน ร้อนวูบวาบ ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเหล่านี้นำไปสู้ความหดหู่ ความเครียดสะสมจนเกิดเป็นโรคต่าง ๆ ตามมาได้ นั่นเพราะฮอร์โมนที่เคยสำคัญสำหรับเราเริ่มลดลงไป…นั่นคือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งมีหน้าที่ช่วยดูแลทุกอาการของผู้หญิง ทำให้ผิวพรรณสวย นวลเนียน อารมณ์ดี อาหารที่เป็นแหล่งของฮอร์โมนเอสโตเจนก็คือถั่วเหลือง ซึ่งมีประโยชน์หลากหลาย ทั้งไฟเบอร์ช่วยให้ขับถ่ายคล่อง และเป็นโปรตีนจากพืชธรรมชาติอีกด้วย
4. ควบคุมความอยากอาหารด้วยควินัว
เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมอายุมากขึ้นแล้วมีภาวะอ้วนง่าย กินอะไรนิดหน่อยก็บวม…หลายคนได้คำตอบแล้วว่าเพราะระบบเผาเผลาญของเราเสื่อมถอยลง และการจะกอบกู้ทุกสิ่งให้อยู่ในภาวะสมดุลก็ต้องอาศัยตัวช่วยสุดแกร่งอย่างควินัวซึ่งเป็นธัญพืชธรรมชาติ มีไฟเบอร์สูง สามารถรับประทานแทนข้าวขาวตามปกติของเราได้ ควินัวไม่ใช่แค่อาหารไดเอ็ตทั่วไปที่ให้แคลอรี่ต่ำและกากใยสูงเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของฮอร์โมนเกรลินหรือฮอร์โมนแห่งความหิวที่ทำให้เราอยากอาหารอย่างปกติ
5. บำรุงไตถึงหัวใจด้วยพริกหวาน
ภายในพริกหวาน พริกยักษ์ ไม่ว่าจะเป็นสีเขียว เหลือง หรือแดงก็ตาม ทุกชนิดล้วนอุดมด้วยวิตามินซีที่สูงมาก รวมไปจนถึงสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ซึ่งสารเหล่านี้ทำงานร่วมกับต่อมหมวกไตโดยตรง โดยกลุ่มฮอร์โมนต่อมหมวกไตมีหลายชนิด ทั้งอะดรีนาลินและอีพิเนฟฟริน เป็นต้น โดยต่อมหมวกไตจะดึงวิตามินซีเอาไว้ค่อนข้างมาก เพื่อทำงานร่วมกับฮอร์โมนต่าง ๆ ฮอร์โมนในต่อมหมวกไตนั้นส่งผลหลากหลาย ที่สำคัญที่สุดคือจะเป็นเรื่องของระบบเลือด การกรองของเสียออกจากเลือดซึ่งเกิดในไต รวมไปจนถึงการควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจเลยทีเดียว
นอกเหนือจากการรับประทานอาหารที่ช่วยปรับความสมดุลให้กับร่างกายแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือ การดุแลสุขภาพในส่วนอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย หากเราเลือกทำทั้งการออกกำลังกายที่เหมาะสม ทำจิตใจให้สงบ และมุ่งเน้นพฤติกรรมที่สร้างผลดีต่อสุขภาพ เมื่อนั้นร่างกายก็จะสมดุล อารมณ์ก็จะดีขึ้นตามสภาวะฮอร์โมนซึ่งคงตัวนั่นเอง
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ
แหล่งที่มา : www.healthline.com, www.culinarynutrition.com
ภาพประกอบจาก : www.freepik.com