สมัยนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหนเราพบเห็นห้างสรรพสินค้า รวมไปจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่เต็มไปหมด บางคนอาจกำลังรู้สึกว่าอยากลองเปิดประสบการณ์ในอีกด้านของประเทศไทยดูบ้าง ซึ่งบางทีแม้เราจะเป็นคนในพื้นที่แต่ก็ยังไปไม่ทั่วเสียด้วยซ้ำ บางคนถ้าพูดถึงเรื่องเที่ยวก็จะมุ่งไปทะเลอย่างเดียวด้วย ดังนั้น ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมแบบไทย พร้อมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ กับพระราชวังต่าง ๆ กันดูบ้าง ต้องไปแวะชมที่ไหน ตามมาเลย
1. พระที่นั่งวิมานเมฆ, กรุงเทพมหานคร
พระที่นั่งที่สร้างด้วยไม้สักทอง และมีขนาดใหญที่สุดในโลก เป็นพระที่นั่งในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ก่อสร้างโดยได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ตัวอาคารเป็นแบบวิคตอเรียน ผสมกับไทยประยุกต์ โดยมีสีครีม-แดง เป็นโทนสีหลัก ภายในโดดเด่นด้วยห้องต่าง ๆ ซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงเคยประทับมาก่อน ทำให้เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ดั้งเดิม เครื่องเงิน สิ่งของส่วนพระองค์มากมาย การเข้าชมพระที่นั่งวิมานเมฆต้องแต่งกายสุภาพ หากเป็นสุภาพสตรีควรสวมกระโปรง
2. พระราชวังบางปะอิน, พระนครศรีอยุธยา
พระราชวังบางปะอิน เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด เพราะมีความเก่าแก่และทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง มีการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบจีน ยุโรป และไทยให้เข้ากันได้อย่างลงตัว เนื่องจากผ่านการบูรณปฏิสังขรณ์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 5 พระที่นั่งและตำหนักสำคัญ อาทิ พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์, พระที่นั่งวโรภาษพิมาน, สภาคารราชประยูร, พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร, อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์หรืออนุสาวรีย์พระนางเรือล่ม เป็นต้น เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมโดยต้องแต่งกายสุภาพ
3. พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน, เพชรบุรี
สถาปัตยกรรมของพระราชนิเวศน์มฤคทายวันนั้น เป็นแบบไทยประยุกต์ ผสานความเป็นตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานในฤดูร้อนของรัชกาลที่ 6 วัสดุหลัก คือ ไม้สัก และคอนกรีต ประกอบด้วยพระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ สำหรับรองรับพระราชอาคันตุกะ และประกอบพิธีการภายใน ภายนอกรายล้อมด้วยสวนเขียวชอุ่ม สามารถรับสายลมแสงแดดจากทะเลได้เป็นอย่างดี
4. พระราชวังสนามจันทร์, นครปฐม
พระราชวังที่เดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สร้างขึ้นโดยรัชกาลที่ 6 อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์คล้ายกับปราสาทในเทพนิยายตะวันตก พระราชวังสนามจันทร์ ตั้งชื่อตามสระน้ำโบราณหน้าโบสถ์พราหมณ์ ที่ชื่อว่า ‘สระน้ำจันทร์’ ปัจจุบันเป็นสถานที่ราชการในจังหวัดนครปฐม และวิทยาเขตหนึ่งของมหาวิทยาลัยศิลปากร เปิดให้คนนอกเข้าชมได้
5. พระนารายณ์ราชนิเวศน์, ลพบุรี
พระนารายณ์ราชนิเวศน์ เป็นวังที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในพื้นที่กว้างกว่า 41 ไร่ เพื่อใช้เป็นที่ล่าสัตว์ ออกว่าราชการ และต้อนรับแขกเมือง ภายในบริเวณมีพระที่นั่งสุทธาสวรรค์ ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์ทรงสวรรคต ณ ที่แห่งนี้ ภายหลังรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะขึ้นใหม่ และตั้งชื่อว่า พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ปัจจุบันภายในพื้นที่เปิดให้คนนอกเข้าชม และได้ปรับทั้งพื้นที่เป็นพิพิธภัณฑ์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ จัดแสดงโบราณวัตถุตามอาคารต่าง ๆ หลายรายการ
พระราชวังทั้ง 5 แห่งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่ง ท่ามกลางพระราชวังในประเทศไทยที่เราหยิบยกมาแนะนำให้ได้ดูพอหอมปากหอมคอ หากใครอยากจะจัดทริปศึกษาประวัติศาสตร์ลึกซึ้งมากกว่านี้ ก็ยังมีอีกมากมายที่รอให้ไปค้นหา ถ้ายังไงวันหยุดนี้ลองชวนคุณพ่อคุณแม่ผู้สูงอายุ หรือเด็ก ๆ ไปท่องเที่ยวดู รับรองว่านอกจากจะได้ชื่นชมความงดงามแล้ว ยังได้ความรู้กลับมาอีกด้วย
เรียบเรียงโดย: กองบรรณาธิการ
ภาพประกอบจาก: www.flickr.com